รีวิวซีรีส์ “Study Group กลุ่มติวเดือด เลือดนักสู้“ เรื่องราวของยุนกามิน นักเรียนสายอาชีวะที่ตั้งกลุ่มติวเพื่อพิสูจน์ว่าพวกเขาก็สามารถไล่ตามความฝันได้ ซีรีส์ที่สะท้อนระบบการศึกษาและความเหลื่อมล้ำของเกาหลีใต้

ในสังคมที่ความสำเร็จทางวิชาการกลายเป็นทุกสิ่ง และการสอบเข้ามหาวิทยาลัยถูกมองว่าเป็นกุญแจสำคัญสู่อนาคตที่ดีกว่า “Study Group กลุ่มติวเดือด เลือดนักสู้“ เป็นซีรีส์ที่นำเสนอเรื่องราวของ ยุนกามิน (รับบทโดย ฮวังมินฮยอน) นักเรียนโรงเรียนเทคนิคยูซอง โรงเรียนสายอาชีวะซึ่งขึ้นชื่อว่าเป็นโรงเรียนที่เต็มไปด้วยนักเรียนหัวร้อนและมีปัญหาความรุนแรง เขาพยายามฝ่าฟันทุกอุปสรรคเพื่อเปลี่ยนแปลงอนาคตของตัวเอง แต่ในสภาพแวดล้อมที่เต็มไปด้วยความรุนแรงและวัฒนธรรมของนักเรียนสาย “นักเลง” ความตั้งใจของเขากลับกลายเป็นเรื่องยากเกินคาดคิด
ซีรีส์เรื่องนี้ไม่ใช่ ดราม่าทะลุข้อสอบ หรือเรื่องราวของเด็กหนุ่มที่อยากเรียนดี แต่เป็นภาพสะท้อนของระบบการศึกษาเกาหลีใต้ ความเหลื่อมล้ำทางสังคม และการดิ้นรนของนักเรียนที่เกิดมาในจุดที่ไม่เอื้อให้พวกเขาเข้าถึงโอกาสที่เท่าเทียม
โรงเรียนอาชีวะ: ทางเลือกหรือทางตัน?
ในซีรีส์เรื่องนี้เล่าถึงการเข้าเรียนในโรงเรียนอาชีวะ ซึ่งในระบบการศึกษาของเกาหลี โรงเรียนมัธยมอาชีวะ (전문고, Jeonmun-go) เป็นตัวเลือกสำหรับนักเรียนที่ต้องการฝึกฝนทักษะเฉพาะทางเพื่อเข้าสู่ตลาดแรงงานโดยตรง แทนที่จะมุ่งหน้าไปสู่มหาวิทยาลัยเหมือนนักเรียนสายสามัญ (일반고, Ilban-go) หรือโรงเรียนเฉพาะทางที่มีความเชี่ยวชาญพิเศษ (특목고, Teukmok-go)
อย่างไรก็ตาม ในสังคมเกาหลี การเลือกเรียนสายอาชีวะยังคงถูกมองว่าเป็น “ทางเลือกสุดท้าย” มากกว่าจะเป็นเส้นทางอาชีพที่มีเกียรติ หลายครอบครัวเชื่อว่า การเข้าเรียนโรงเรียนอาชีวะเป็นสัญญาณว่าลูกของพวกเขา “สอบไม่ติด” หรือ “เรียนไม่เก่งพอ” จนต้องหันไปเรียนทักษะอาชีพแทน ซึ่งความคิดนี้ทำให้เด็กที่เลือกเรียนในสายนี้ถูกลดคุณค่าทางสังคมและต้องดิ้นรนมากกว่านักเรียนที่เรียนในสายสามัญ
สำหรับยุนกามิน การตั้งกลุ่มติวในโรงเรียนอาชีวะจึงเป็น “การต่อต้านกระแส” อย่างชัดเจน เพราะแทนที่จะยอมรับชะตากรรมของการเป็นเด็กสายอาชีพที่จบแล้วต้องเข้าสู่ตลาดแรงงานทันที เขากลับเลือกที่จะท้าทายโครงสร้างสังคมและฝันที่จะสอบเข้ามหาวิทยาลัย ซึ่งเป็นแนวทางที่แทบไม่มีใครทำมาก่อนในโรงเรียนของเขา

นักเรียนนักเลง: ทำไมโรงเรียนอาชีวะถึงถูกมองว่าเป็นแหล่งรวมของเด็กมีปัญหา?
หนึ่งในภาพจำที่ติดอยู่กับโรงเรียนอาชีวะในเกาหลี คือ วัฒนธรรมนักเลงในโรงเรียน (일진, Iljin) ที่ซีรีส์หลายเรื่องมักนำเสนอ ตัวละครอย่าง “เด็กเกเร” ที่ใช้กำลังตัดสินปัญหา หรือระบบ “ใครแกร่งกว่าคือผู้นำ” ไม่ใช่เรื่องที่ถูกแต่งขึ้นทั้งหมด แต่สะท้อนให้เห็นถึงปัญหาสังคมที่เกิดขึ้นจริง
ปัจจัยที่ทำให้โรงเรียนอาชีวะบางแห่งมีความรุนแรงสูงกว่ามัธยมทั่วไป
- โครงสร้างของระบบการศึกษา
- โรงเรียนอาชีวะมักมีมาตรฐานการรับนักเรียนที่ ไม่ต้องใช้คะแนนสูงมาก เมื่อเทียบกับโรงเรียนทั่วไป ทำให้นักเรียนที่ไม่มีทางเลือกทางการศึกษามากนัก หรือเด็กที่เคยถูกไล่ออกจากโรงเรียนอื่น มารวมกันอยู่ที่นี่
- เด็กที่ไม่มีเป้าหมายทางการศึกษา มักหันไปหาอำนาจจากสิ่งอื่น เช่น การใช้ความรุนแรง เพื่อสร้างสถานะของตัวเองในกลุ่มเพื่อน
- วัฒนธรรม Iljin และการกลั่นแกล้ง
- Iljin (อิลจิน) เป็นคำเรียกกลุ่มเด็กนักเลงในโรงเรียน ที่มักจะ ควบคุมกลุ่มนักเรียนที่อ่อนแอกว่า และสร้างระบบลำดับชั้นในโรงเรียน
- โรงเรียนอาชีวะบางแห่งมีปัญหาความรุนแรงจาก Iljin มากกว่ามัธยมทั่วไป เพราะระบบการควบคุมวินัยอาจไม่เข้มงวดเท่ากับโรงเรียนสามัญ
- ปัจจัยครอบครัวและเศรษฐกิจ
- นักเรียนในโรงเรียนอาชีวะบางส่วนมาจากครอบครัวที่มีปัญหาทางเศรษฐกิจและสังคม ซึ่งส่งผลให้พวกเขา ขาดการสนับสนุนที่ดีจากครอบครัว และมีแนวโน้มเข้าสู่วงจรความรุนแรงได้ง่ายขึ้น
- แรงกดดันทางสังคม
- ในสังคมเกาหลี การไม่ได้เรียนมหาวิทยาลัยถูกมองว่าเป็นความล้มเหลว ดังนั้น เด็กที่รู้สึกว่าตัวเองไม่มีอนาคต อาจเลือกใช้ความรุนแรงเพื่อสร้างตัวตนใหม่ แทนการดิ้นรนเพื่อการศึกษา
สำหรับยุนกามินและกลุ่มติวของเขา พวกเขาไม่ได้เพียงแค่ต้องสู้กับข้อสอบและตำราเรียน แต่ยังต้อง สู้กับระบบสังคมที่กดพวกเขาเอาไว้ และยังต้องป้องกันตัวเองจากความรุนแรงในโรงเรียนตลอดเวลา

โอกาสที่เปลี่ยนแปลงไป: โรงเรียนอาชีวะในยุคใหม่
แม้ว่าในอดีตโรงเรียนอาชีวะจะถูกมองว่าเป็น “ทางเลือกสุดท้าย” ของเด็กที่เรียนไม่เก่ง แต่ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา มุมมองของสังคมเริ่มเปลี่ยนไป เนื่องจาก:
- อุตสาหกรรมบางประเภทเริ่มให้ค่ากับทักษะมากกว่าปริญญา เช่น สาย IT, โปรแกรมเมอร์, นักออกแบบ, วิศวกรเครื่องกล ฯลฯ
- รัฐบาลเกาหลีเริ่มสนับสนุนโรงเรียนอาชีวะมากขึ้น ผ่านโครงการ Meister High School ที่มีความร่วมมือกับบริษัทชั้นนำ ให้เด็กจบแล้วมีงานทำทันที
- เด็กสายอาชีวะหลายคนเริ่มพิสูจน์ว่า “คุณค่าของพวกเขาไม่ได้ขึ้นอยู่กับมหาวิทยาลัย” แต่ขึ้นอยู่กับทักษะที่พวกเขามี ซึ่งเรื่องราวเหล่านี้ก็ได้รับการสนับสนุนจากสื่อที่พาไปพบกับแรงงานฝีมือคุณภาพสูงที่ประสบความสำเร็จและยกระดับอาชีพ พัฒนาตัวเองขึ้นไปสู่จุดของผู้ประกอบการธุรกิจ
แต่แม้โอกาสจะเริ่มเปลี่ยนไป ระบบความเชื่อแบบเดิมยังคงมีอยู่ และนั่นคือสิ่งที่ทำให้การเดินทางของยุนกามินและกลุ่มติวของเขาเป็นเรื่องที่ท้าทายมาก เพราะพวกเขากำลังพยายามฝ่ากำแพงทางสังคมที่ถูกสร้างขึ้นมาหลายสิบปี
ทำไม “Study Group” ถึงน่าดู?
ซีรีส์เรื่องนี้ ไม่ใช่แค่เรื่องของเด็กที่อยากเรียนดีขึ้น แต่เป็น เรื่องราวของการดิ้นรนเพื่อเปลี่ยนแปลงอนาคตของตัวเอง ในระบบที่ไม่เอื้อให้พวกเขาเติบโต ยุนกามินต้องต่อสู้ทั้งในแง่ของการศึกษาและความรุนแรงในโรงเรียน ซึ่งทำให้เรื่องราวของเขาน่าสนใจและสะท้อนปัญหาสังคมเกาหลีได้อย่างลึกซึ้ง และเคลือบความสนุกของเรื่องด้วยการต่อสู้ที่ดูเหนือจริง ดูสนุกทั้งเอฟเฟค และกราฟฟิคต่างๆ ที่ถูกใส่เข้ามาเพิ่มเติมเสน่ห์ของเรื่อง
สามารถรับชมซีรีส์ “Study Group กลุ่มติวเดือดเลือดนักสู้“ ได้แล้ววันนี้ พร้อมซับไทยที่ Viu แล้วมาดูกันว่ากลุ่มติวเล็กๆ นี้จะสามารถเปลี่ยนแปลงโชคชะตาของพวกเขาได้หรือไม่
